วันอังคารที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2560

I'm willing to help you in this winter. (*-*) (^-*) (^-^)

                                                   








"Woooo...
How are you 
doing, guys?" 







Today's a lovely pretty cool day, isn't it? Honestly, I wanna stay still in my red crab warm sweater but many friends of mine asked me to better my English with Eng nid-nid with Tutor Lee... So, Let's go with them! See what Lee's preparing for us.


Hahaha..The above story's just my childish dream I could hear animals' voices. Wake up & back to reality.. I'm right here now to welcome cool weather with you guys.


โอมมม...แปลงร่างกลับมาเป็นคนไทยแพร๊บบ... ช่วงนี้อากาศเย็นจริงเย็นจัง  มาดูดีกว่าว่า มีคำพูดเก๋ๆ อะไรที่เอามาฝึกพูดกับฝรั่งได้บ้าง  ในการพูดเรื่องสภาพอากาศ หรือคำแนะนำสำหรับรักษาสุขภาพในสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงฉับพลันขนาดนี้

ถามเรื่องอากาศ:

" What's the weather in Chiang Mai like now? " (ว็อทส  เดอะ  เวทเธอร์   อิน  เชียงใหม่  ไลค์  นาว)  = สภาพอากาศในเชียงใหม่ตอนนี้เป็นอย่างไร  หรือเปลี่ยนเป็น  in your country  เพื่อถามถึงสภาพอากาศโดยรวมของประเทศเขาก็ไม่แปลก


 "How's the weather there?" (ฮาวส เดอะ เวทเธอร์ แดร์)   = อากาศที่นั่นเป็นอย่างไร     there แปลว่า ที่นั่น เรียกแทนสถานที่ที่พูดถึง


"What's the temperature in Bangkok?"  (ว็อทส   เดอะ  เทมเพรจเจอร์  อิน แบ็งค็อก )    = อุณหภูมิในกรุงเทพเท่าไร    temperature  แปลว่า  อุณหภูมิ  ใช้ถามตอนวัดปรอทไข้ก็ได้นะ


"What's the weather forecast?" (ว็อทส  เดอะ  เวทเธอร์  ฟอร์แคสท)   =  พยากรณ์อากาศเป็นอย่างไร    forecast แปลว่า ทำนายหรือคาดการณ์ล่วงหน้า


"What's the weather outside like now?"  (ว็อทส  เดอะ  เวทเธอร์  เอาท์ไซด์  ไลค์  นาว =  อากาศข้างนอกเป็นอย่างไร   หรือถามถึงข้างในสถานที่นั้น  ก็เปลียนจาก  outside เป็น  inside  (อินไซด์)  ง่ายนิดเดียว 


หรือ  อาจเปลี่ยนคำขยายเวลาได้ เช่น  ระบุเดือน  "How's the weather like in July?"  , ระบุช่วงเวลา เช่น "What's the weather like at night time?" หรือ   "What will the weather be like tomorrow?"     
หรือ ตั้งคำถามแบบตอบใช่และไม่ใช่ เช่น  "Does it rain in October?" 



                                     ----------------------------------------------------------------


ตอบเรื่องอากาศ:

"It's getting cold  now."  (อืทส  เก็ททิ่ง  โคลว์ด  นาว)  =  ตอนนี้มัน (อากาศ) เริ่มหนาว   


"It's cool."  or "It's chill."  (อิทส  คูลล์   หรือ   อิทส  ชิลล์)    =  มันเย็นๆ      และอีกความหมายหนึ่งของ  " It's cool "   อาจแปลได้ว่า  อากาศดี ก็ได้  เพราะ cool แปลว่า  ดี, เยี่ยม 


"It's colder (or  cooler) than usual."  (อิทส  โคลว์ดเดอร์  (หรือ  คูลล์เลอร์)  แดน  ยูว์ชวลล์   =   อากาศหนาว (หรือ  เย็นขึ้น)  มากกว่าปกติ


"It's a warm and sunny day."  (อิทส  อะ  วอร์ม  แอนด์  ซันนี่  เดย์ )   =   มันเป็นวันที่อบอุ่น และ มีแดด


"It rains every day."   (อิท  เรนส  เอฟ์วรี่  เดย์)   =   ฝนตกทุกวัน


"They said  it will be warmer soon."  (เดย์  เซด  อิท  วิว์ล  บี  วอร์มเมอร์  ซูนน์)   =    เขา (ในที่นี้หมายถึง ผู้พยากรณ์อากาศ หรือ กรมอุตุฯ )  บอกว่า มันจะอุ่นขึ้นเร็วๆ นี้


แต่ถ้าเมื่อไหร่มีหิมะตกในบ้านเรา   ช่วยกันตะโกนดังๆ ไปเล้ยว่า  "It's so freezing."  (อิทส  โซวว์  ฟรีซซิ่ง)   หรือ  " I'm frozen."  (อามม์  /แอมม์   โฟรซเซนน์)   =  หนาวจะแข็งตายแล้ว


"It's lovely today."   (อิทส  เลิฟว์ลี่  ทูเดย์)   =  วันนี้อากาศดี     คำว่า ' lovely '  นอกจากแปลว่า น่ารัก  ยังมีความหมายว่า  good  หรือ  nice   =  ดี  นั่นเอง


                                     
                                       -------------------------------------------------------------



ถ้าเป็นห่วงเรื่องสุขภาพของเขาล่ะ  ก่อนจากกันก็เตือนนิดนึง  บอกว่าไงได้บ้าง  มาดูกัน....

ประโยคคุ้นหูสุดๆ   ใช้ได้หลายสถานการณ์    "Please take care."   (พลีซส์   เทคแคร์)    =  ดูแลตัวเองด้วยจ้า


เห็นสุดหล่อ  หรือ สาวน่ารัก จามบ้าง  ไอบ้างมาแต่ไกล  ให้รีบเข้าประคอง  เอ้ย..ย  บอกเสียงใสๆ ไปเลยว่า  "You should drink some warm water." (ยูวว์  ชูลว์ด  ดริ๊งค์  ซัมม์   วอร์ม  วอเธอร์)    =   เธอจ๋า..ควรดื่มน้ำอุ่นนะจ๊ะ


'' ํYou'd better see the doctor."   (ยูว์ด  เบธเธอร์  ซี  เดอะ  ดอคเธอร์)    =  ควรไปหาหมอนะ    นี่แบบเป็นหนักหน่อย   มีไข้  ไอไม่หยุด   น้ำมูกไหลประมาณนี้


ฮั่นแน่...ได้ทีเสนอตัวและน้ำใจดีดีทันที   เสียงหวานๆ พูดไปนะว่า  "Let me bring you a glass of  warm  water."      (เล็ท  มี  บริงก์  ยูวว์  ซัมม์  วอร์ม  วอเธอร์)   =    ให้ฉันเอาน้ำอุ่น มาให้แก้วนึงนะ    หืมม...หวานซ้าาาา  ให้เขาประทับใจ


"Don't forget  to keep yourself warm all the time."   (โด้นท  ฟอร์เก๊ท  ทู  คึป์พ  ยัวร์เซลว์ฟ  วอร์ม  ออลล์  เดอะ  ไทมม์)  =  อย่าลืมทำตัวเองให้อบอุ่นตลอดเวลาล่ะ    ประมาณว่าขอใช้ตัวเองไปเป็นผ้าห่ม  อ๊ะๆๆ ไม่ใช่ๆ  คือ เหมือนบอกว่าให้เขาใส่เสื้อผ้าให้อุ่นต่างหากล่ะ  แค่นี้ได้ใจเกินร้อยแน่ๆ



นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของบทสนทนาเรื่องเกี่ยวกับอากาศเปลี่ยนแปลง  รวมถึงการห่วงใยคนอื่น    ยังมีคำศัพท์อื่นๆ ที่นำมาพูดได้อีกเยอะเลย  ชาว ELLs ของแก็งค์  Eng nid-nid with Lee  พอนึกออกบ้างไหม  ลองทบทวนดูนะ   และ...อย่าลืมฝึกอ่านออกเสียงลงท้ายแต่ละคำอย่างถูกต้อง   อัดเสียงลงมือถือ   เอามาเปิดฟัง   เพื่อปรับปรุงสำเนียงอันดีงามแบบ  English mode ของพวกเราจะมาในอนาคตนะจ๊ะ  เลิฟๆ


                           
                                    ------------------------------------------------------------------



เพื่อ..." English never bothered us anyway."  Let's keep practicing & moving  forward!  น้องเต่าและผองเพื่อนกล่าวอย่างมุ่งมั่น ก่อนจากไป










p.s  ในที่นี้ ส่วนใหญ่ของตัวอย่างประโยค  เป็น Present Simple Tense (ปัจจุบัน)      บทสนทนาจริง เราถามสภาพอากาศที่ผ่านไปแล้ว หรืออนาคตอันใกล้ก็ได้  โดยเปลี่ยนเป็นรูปประโยคอดีตและอนาคต   และ   การเขียนคำอ่านอาจไม่ตรงกับหลักการออกเสียงที่ถูกต้องตามหลักภาษาศาสตร์นัก  ทั้งนี้เพื่อให้อ่านออกเสียงได้ง่ายขึ้นนะจ๊ะ



ขอบคุณภาพพี่เต่าเสื้อแดงรูปหล่อ  lostateminor.com, คุณ snail จาก grist.org,  น้องหมาหน้าฉงน http://newnoo24.blogspot.com  และ ท่าน Lord Cat จาก www.kapook.com  ที่มาเป็นน.ร. วีไอพีของเรา



www.facebook.com/TutorLeeLimawararut

วันจันทร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2560

Let's change ourselves in English mode!








Long time no see, guys!  How have you been lately?

I'm right here now... วันนี้มาแบ่งปันเทคนิคการฝึกภาษาอังกฤษ ให้ชาว English Language Lovers (ELLs) ของแก็งค์ Eng nid-nid with Tutor Lee แบบไม่ต้องจ่ายค่าตั๋วไปเมืองนอกให้เสียสตางค์


Firstly, Let's change ourselves in English mode!  นหนึ่งวัน  เราอยู่กะอะไรมากที่สุด... เพื่อน   บ้าน  โรงเรียน  ที่ทำงาน  กิจกรรมต่างๆ  โทรศัพท์มือถือ  หรือ อินเตอร์เน็ต  คิดว่ามากกว่า 90% คือ 2 คำตอบสุดท้ายใช่มะ  ทีนี้ถ้าเราอยู่กะเขาได้มาก   แสดงว่าเราน่าจะมีความสุข  จริงมะๆ   แล้วถ้าเราฝึกภาษาอังกฤษจากเขาล่ะ  ก็จะได้ประโยชน์เพิ่มอีกทาง  จง Start it now & Stay forever  เปลี่ยนภาษาที่ใช้งานในมือถือ และ คอมพิวเตอร์ เป็น English mode ซะ  อย่างน้อย จะได้สะสมคำศัพท์เพิ่มทุกวันไง  ทีนี้ จะได้รู้ว่า ตอนกด "ส่ง" ข้อความลงเฟซ  เขาใช้คำว่าอะไรบ้าง    ที่เราพูด  "โปรไฟล์ "  มันสะกดยังไงน้อ    "Feelings" หลากหลายมีศัพท์มากมายเยอะแยะเชียว


Secondly, Let's change ourselves in English mode!  จง Search Webs or Use App. เป็นภาษาอังกฤษ  เลือกอ่านเนื้อหาที่เราสนใจ  จากไม่กี่บรรทัด   ขยับเป็นทีละย่อหน้า  และเต็มเรื่อง   ได้อะไรล่ะ?  ฝึก  Reading  เอย   อ่านออกเสียงด้วยช่วย  Speaking ไปพร้อมกัน   Grammar  กะ Spelling ตามมาติดๆ ใช่มั๊ยล่ะ   ก้าวต่อไป ลองอ่านการเขียนของคนอื่น  แล้วหัด  Give comments   แบบเขาบ้าง  ก็ Writing ไงยิ่งแจ๋วเล้ยยยย    อย่า worried เรื่อง แกรมมาร์มากนัก  ฝึกยาวๆไป เดี๋ยวดีเอง    เมนูหน้าเว็บหรือแอป ก็มีอะไรให้จำเป็นศัพท์เพิ่มเติมได้อีก


Thirdly, Let's change ourselves in English mode!  จง Play games ที่เราชอบในมือถือซะ โอ๊ย! เล่นเกมเป็นเด็ก จะได้อะไร ?  out นะ ถ้าคิดแบบนี้   "เกม" จะช่วยพัฒนาการจดจำแบบภาพและกระตุ้นสมองให้ทำงานกระฉับกระเฉงในการตอบโต้สิ่งรอบตัว    ยิ่งเล่นและมีความสุข  การเรียนรู้แบบซึมซับจะอยู่ให้เราใช้งานได้อีกนาน     รูปแบบเกมทั้งเพื่อความสนุก  และเพื่อการศึกษา   ปรับโหมดภาษาอังกฤษนะ  เรียนรู้คำสั่งในการเล่นเกมได้อีกหลายคำ  


Last but not leastLet's change ourselves in English mode!   จง Speak - Read - Record - Listen ภาษาอังกฤษของเราในมือถือ  แล้วถามว่าพอใจหรือยัง   เริ่มแก้ไขและปรับปรุงให้ดีขึ้นต่อๆ ไป   ตัวเราจะบอกได้ดีที่สุดว่า ภาษาอังกฤษของเราเป็นแบบไหน  อาจจะไม่ต้องดีที่สุด  แต่ขอให้ใกล้เคียง English mode มากที่สุด ดีมะๆ



The most important tip is " No need to practice for quantity but quality จง Remember & Do อย่าฝึกด้วยปริมาณ ให้เน้นคุณภาพ แทน   ฝึกโดยเริ่มจากระดับภาษาอังกฤษที่เรามี  ค่อยๆขยับความยากที่ละนิด  ไม่จำเป็นต้องนั่งฝึกเป็นชั่วโมงงงง  แต่ฝึกทุกวัน  วันละ 15-20 นาที ได้ผลกว่า ฝึกครั้งเดียว 4 ชม.ต่ออาทิตย์ซะอีก  ไม่ต้องเหนื่อย เบื่อ กดดันตัวเองด้วย   ตั้งใจและมีเป้าหมายเพื่อทำให้ได้ แต่ไม่ใช่เร่งซะจนล้มกลางครัน  บางครั้ง slow but sure ก็ดีนะทุกคน

บางคน มีวิธีฝึกอื่นที่น่าสนใจและเหมาะสมกับตนเองมากกว่า  จง Try & have fun with your own ways. It's the best thing to better your English skills naja.



See ya real soon when the time comes  Have a super great day,guys! (*-^)(^-^)(^-*)




ขอขอบคุณภาพประกอบ alphaschoolenglish.com

www.facebook.com/TutorLeeLimawararut

วันศุกร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2560

Confusing words...ความหมายชวนงง สงสัยตอนใช้งาน???

English Language Lovers (ELLs) ของแก็งค์ Eng nid-nid with Tutor Lee คนไหน เคยเจอคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ที่แปลเป็นไทยแล้วชวนให้สับสนทั้งความหมาย และมึนตึ้บเมื่อใช้งานบ้างหรือเปล่า?

พูดแบบนี้อาจยังนึกไม่ออก  มาๆๆ  ลองดูตัวอย่างคำศัพท์แบบนี้กัน เช่นคำอะไรบ้าง...

++  enter, entry, entrance  ++

3 คำนี้ มีความหมายว่า   "เข้า " แต่จะเป็นเข้าแบบไหนล่ะทีนี้  ลองดูตัวอย่างประโยคกันเลยจ้า


 "Please do not enter my room while I'm sleeping."

=  กรุณาห้ามเข้าห้องของฉัน ตอนที่ฉันกำลังนอนหลับ


  to enter (เอ็น-เทอร์  คำกริยา) หมายถึง  เข้าในสถานที่หนึ่งๆ    เราใช้คำนี้ตอนเดินทางเข้าประเทศ. สถานที่, อาคาร, บ้าน, ห้องต่างๆ  ได้หมดนะ  


                                            +++++++++++++++++++++++++

 "No need to pay for her ticket. It's free entry if she's under 5 years old."

 =  ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าตั๋วให้เธอ  ค่าเข้าของเธอฟรีถ้าอาขุต่ำกว่า 5 ปี    


entry (เอ็น-ทรี   คำนาม) หมายถึง  การเข้าไปในสถานที่ หรือ การเข้าร่วมกิจกรรมขององค์กรต่างๆ 
แก็งค์ Eng nid-nid with Lee  ลองสังเกตคำนี้ได้จากสถานที่เที่ยวต่างๆ เช่น  สวนสนุก, พิพิธภัณฑ์, โรงหนัง  หรือ กิจกรรมที่ให้เข้าร่วมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย  เขาต้องเขียนว่า ค่าเข้าฟรี (free entry)    ซึ่งพี่ไทยมักเขียนผิดเป็น free enter บ้าง  
   

                                                



แต่ถ้าเห็นป้าย หรือ สัญลักษณ์ No entry ซึ่งจัดเป็น Warning sign อย่าได้แอบเข้าไปเชียว เพราะมักเป็นพื้นที่หวงห้าม หรือ เป็นพื้นที่เสี่ยงต่อความปลอดภัยคร้าบบบบ

                                             ++++++++++++++++++++++++   


"Sorry for any inconveniences, please use the next entrance."  

=  ขออภัยในความไม่สะดวก  กรุณาใช้ทางเข้าถัดไป


entrance (เอ็น-ทรานซ์   คำนาม) หมายถึง ประตูหรือทางเข้าสู่สถานที่หนึ่งๆ    มักจะเห็นคำนี้อยู่คู่กับ exit ทางออก     



         

ได้ยินคำนี้คุ้นๆ จากไหนอีกน้าาาา   " สอบ entrance ใช่หรือเปล่า "  เราใช้ entrance exam หรือ admission ก้ได้สำหรับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยนะจ๊ะ 

                                                ++++++++++++++++++++++++++


If Eng nid-nid with Lee gang doesn't want to be confused about any English confusing words, please look up and memorize the words' meaning in English. Do not translate every single vocabulary in Thai.    ถ้าไม่อยากปวดหมองกับการใช้ศัพท์ภาษาอังกฤษ  พยายามฝึกเองด้วยการหาความหมายของคำต่างๆ เป็นภาษาอังกฤษ  โดยจำการใช้งานในรูปแบบประโยค ดีกว่าจำแบบคำโดดเดี่ยวนะ  เทคนิคนี้ทำให้เราจำความหมายได้ดี และหยิบมาใช้งานได้เร็วกว่าเดิม


"Do not enter if there's no entry or entrance" เล่นคำได้ ไม่ยากนี่นา  ช่วยกันเก็บไว้ใน Jar of Remember ดีกว่าพวกเรา  เย้ 


ขอบคุณภาพประกอบ commons.wikimedia.org

www.facebook.com/TutorLeeLimawararut




วันจันทร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

" Can I have an account, please? " งงค่ะ ทำไมมาขอเปิดบัญชีที่ร้านอาหารคะคุณ?


Let's Eng nid-nid with Tutor Lee....จ้า 

หล่า ELLs คุ้นๆ กันหรือเปล่ากับคำว่า "account" 


อ๋อ...ได้ยินบ่อยสุด น่าจะเป็นคำว่า "accounting" ตอนบอกใครๆ ว่าเรียนบัญชี  บางทีก็ได้ยินเขาเรียกคนทำบัญชีว่า  accountant 

ขอปรบมือรัวๆ ให้กับกระปุกต้องนึก "Jar of Recall" ของทุกคนด้วยจ้า


นอกจากสองคำนี้  เคยเห็นคำว่า "accountancy"  อีก 
 มาดูกันว่าเกี่ยวกับบัญชียังไง




accountancy      noun [ U ]

 UK  /əˈkaʊn.tən.si/ US  /əˈkaʊn.t̬ən.si/  us (accounting)
=  the job of being an accountant

ex: He works in accountancy.
     an accountancy firm

ถ้าอ้างอิงจาก Cambridge Dictionaries Online จะเห็นว่าสองคำนี้มีความหมายเหมือน กันว่า งานบัญชี    ต่างกันคือ accountancy ใช้ใน English British (UK) แต่ accounting เป็น English American (US) นั่นเอง

ไม่เข้าใจๆ  มาเกี่ยวอะไรกับการเปิด หรือขอบัญชีที่ร้านอาหารล่ะ?????    

ลองฟังบทสนทนาในร้านอาหารที่ซิดนีย์  ประเทศออสเตรเลีย 


ลูกค้า:  "Can I have an account, please?"  
(@ _  @)......ในใจ อึ้ง 3 วิ  เรียกสติๆ.....   What it means? 
เรา:  (รับปากไปก่อนๆ ) Umm..yes, sir.     
        นกๆ (เพื่อนเด็กเสิร์ฟ) พอรู้ป่ะ ลูกค้าจะเอาไร  พี่ฟังไม่ออกว่ะ  Can I have an account? 
นก: อ๋อออออ....เรียกคิดตังค์น่ะพี่  นกเคยโดนเหมือนกัน เลยรู้ อิอิ

อ้าว ไหงเป็นงั้น?    เคยรู้ความหมายของคำนี้ว่าเกี่ยวกับบัญชี    และมีความหมายอื่นที่รู้คือ บัญชีธนาคาร หรือ เรียก "ลูกค้า" ในวิชาการตลาด  แค่นั้นจริงๆ  แต่ความหมายจากบทสนทนานี้ เท่ากับ " Can I have a bill, please? ' ต่างหาก  เป็นศัพท์ที่ได้ยินในออสเตรเลีย  ซึ่งเราเองไม่เคยได้ยินชาวอังกฤษ หรืออเมริกันใช้คำว่า account ในการเรียกเก็บเงินมาก่อนนะ

"เมื่อเหตุเกิด จึงได้เรียนรู้"  นี่คือสิ่งที่อยากแบ่งปันแก่เหล่า ELLs ว่า "Let's always learn out of square (of books)"  เป็นสิ่งสำคัญนะ  บางทีศัพท์ที่คิดว่า " เรารู้แล้ว " จากหนังสือ เมื่อใช้งานจริง อาจมีความหมายอื่นอีกมากมาย  บางครั้งเราเดาออก   แต่บางครั้งได้ความหมายที่น่าประหลาดใจเช่นกัน    อีกสิ่งสำคัญ คือ เมื่อเรียนภาษาใด  ควรใส่ใจในวัฒนธรรมของเขาด้วย และสังเกตสิ่งที่เขาพูด หรือทำ   จะช่วยให้เราเข้าใจและพูดคุยกับเขาได้อย่างไม่เคอะเขิน  ดูกลมกลืนกับเขาดียิ่งขึ้น  ตัวเราเองก็จะมั่นใจ ทำให้พูดภาษานั้นออกมาคล่องจนเราไม่คาดคิดเลยล่ะ    

อยากให้ลองๆ  แต่.....

"อย่า เชื่อ จน กว่า พิ สูจน์ ด้วย ตน เอง และ เจอ แนว ทาง ของ ตน เอง"




วันศุกร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2560

Behave yourself!

Let's practice new vocab & writing skill with your own experience....




Long-time ago, I was on a bus back home in Sydney......

It was so crowded cos school time just finished. An old man was sitting in the front and a group of school teens talking out loud at the back. 

Suddenly!...."Behave yourself !" Such a strong & fussy voice came from the old man.

At that moment, I didn't know the meaning  "Oh! was it me he complained about? Anything I had done wrong?"  I kept asking myself and tried to glance at him. Or cos I was an Asian look?

Got it later. The teens lowered their voice & stayed tidily in their seats finally.



Can u guys guess what meaning of  "Behave yourself " is?


While walking home,  I thanked the old man for another new English word he taught me.



Let's Eng nid-nid with Tutor Lee จ้า....ขอชวน English Language Lovers (ELLs) ทั้งหลาย  เก็บคำศัพท์จากบรรยากาศรอบๆ ตัวด้วยการฟัง หรือ อ่านภาษาอังกฤษกันบ้าง   วิธีนี้เราจะได้ฝึก Listening & get new vocabs โดยเดาความหมายได้  ไม่ต้องเปิดหาคำแปล  

จากประสบการณ์จริงที่เล่า   ครั้งแรกที่ได้ยินคุณลุงพูดคำนี้  ก็แปลไม่ออกเหมือนกัน  ตอนแรกตกใจ ว่าเราหรือเปล่าว้า  เพราะมีหน้าเอเชียอยู่หน่อเดียว  หันไปดูว่าลุงพูดถึงใคร  เลยพอจะเดาความหมายออก  เลยรีบบันทึกเข้ากระปุกต้องจำ "Jar of Remember" ทันที 

"Behave yourself" แปลได้ว่า "ทำตัวให้ดีๆ " นั่นเอง    ใครเดาถูกบ้างเอ่ย? คำว่า "to behave" = ประพฤติตัวเหมาะสม   ในที่นี้ ใช้เป็นการให้ Warning (การเตือน) หรือ Order (การสั่ง) ถู


ขอนอกเรื่องแป็บ (Get off the track)  จากสิ่งที่เราเห็นในสังคมต่างประเทศ  ปกติคนไทยมักเข้าใจว่า "ฝรั่ง" ไม่ค่อยแคร์ใคร  อยากทำอะไรก็ทำ  ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันใช่มั๊ย  เห็นด้วยเหมือนกันนะ   แต่สิ่งหนึ่งที่ต่างจากพวกเราเข้าใจคือ ทำอะไรก็ได้ แต่....ต้องไม่ขัดกับการให้เกียรติ  ความมีระเบียบ  มารยาท หรือ ก่อความรำคาญสำหรับสาธารณะ  ซึ่งฝรั่งยังให้ความสำคัญอยู่

จากเหตุการณ์นี้ คุณลุงเป็นผู้ใหญ่ จึงสามารถตักเตือนเด็กๆ ได้ เพราะ คนสูงวัย (The elderly ) จัดอยู่ในกลุ่ม Priority ของสังคม เป็นผู้มีความสำคัญลำดับแรก  จะด้วยความอาวุโส หรืออ่อนแอทางร่างกายก็ตาม  คล้ายๆ บนรถเมล์ไทยที่เขียนว่า "โปรดเอื้อเฟื้อที่นั่งแก่เด็ก สตรี หญิงมีครรภ์ ผู้พิการ และคนชรา" นั่นล่ะ   อย่างบ้านเราเพิ่มอีกนิดคือ มีที่นั่งสำหรับพระสงฆ์ ด้วย

  ขนส่งสาธารณะของประเทศที่เจริญแล้วทั้งในเอเชีย หรืออื่นๆ  จะมีที่นั่งส่วนหนึ่งเขียนว่า " Reserved seats for Elderly and Disabled" หรือ "Priority seats"  ซึ่งหมายถึงที่นั่งสำรองไว้สำหรับพวกเขา นั่นเอง    และปัจจุบัน คำที่เรียกคนกลุ่มนี้จะเห็นมากขึ้นในห้องน้ำ หรือลานจอดรถตามห้างใหญ่ด้วยนะ   บางทีก่อนขึ้นเครื่องบิน พนักงานก็เรียกกลุ่มนี้ก่อนเช่นกัน  ลองคิดดูนะว่าคุ้นๆ บ้างรึเปล่า
   
 และตามมารยาทที่ดี พวกเราที่แข็งแรงไม่ควรไปนั่ง  ใช้ หรือแซง  เพราะอาจโดนฝรั่งประณามด้วยสายตาได้นะจ๊ะ สิบอกให้




." เรียนภาษาใดก็ตาม  ควรเรียนรู้มารยาทในสังคมของเขาด้วย ถือเป็นการเรียนที่ประสบความสำเร็จมากขึ้นอีกนิดนะ" เชื่อ Eng nid-nid with Tutor Lee เถอะ